ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและเรื่องเล่า

ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นและเรื่องเล่า

 ความเป็นมาอำเภอแว้ง 

      คำว่า “แว้ง” มาจากคำว่า “ระแว้ง” มีการเล่าขานกันว่าสมัยก่อน มีชาวบ้าน ครอบครัวหนึ่ง ชื่อสกุลจริงของผู้นำครอบครัวนั ้นไม่มีใครรู้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะเรียกท่านว่า “โต๊ะแวแว้ง” เนื่องจาก ครอบครัวของท่านได้อพยพมาจากบ้านระแว้ง หมู่ที่ 4 ต าบลระแว้ง อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานีปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็ นครอบครัวแรกที่มาบุกเบิกและตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่จนกระทั่งท่านโต๊ะแวแว้งเสียชีวิต ณ ที่นี่ (สุสานของท่าน ตั้งอยู่ ในบริเวณโรงจอดรถของสถานีตำรวจภูธรแว้งในปัจจุบัน ) ในช่วงของการเริ่มก่อตั้งชุมชนนั้นก็มีบ้านเรือนไม่กี่หลังคาเรือน ต่อมาได้มีการทำเหมืองทองโต๊ะโม๊ะบ้านโต๊ะระแว้ง ก็เริ่มมีการเจริญรุ่งเรือง สืบเนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้ได้กลายเป็นท่าเรือ (ซึ่งในอดีตการคมนาคมจะใช้ทางเป็นเรือเป็นหลัก) พ่อค้าแม่ค้าจากปัตตานี บางนรา ตากใบและรัฐกลันตัน มักจะขนส่งสินค้าต่าง ๆ โดยทางเรือผ่านเส้นทางบ้านโต๊ะระแว้ง เพื่อน าสินค้าเหล่านั ้นไปค้าขายที่บ้านโต๊ะโม๊ะ ซึ่งจะเดินทาง มาพักและขนถ่ายสินค้านั ้นที่ท่าเรือบ้านโต๊ะระแว้ง ทำให้ชาวบ้านหลายครอบครัวอพยพมาปักหลักตั้งถิ่นฐาน ทำสวนและค้าขายที่บ้านโต๊ะแว้ง แต่ก็มีอีกหลาย ๆ ครอบครัวอพยพมาปักหลักตั้งถิ่นฐานและจับจองพื้นที่ทำไร่ ทำนา ทำสวน สภาพจากชุมชนเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นชุมชนใหญ่ขึ้น คำเรียกชื่อชุมชนค่อย ๆ สั้นจากบ้าน “โต๊ะระแว้ง” กลายเป็ นบ้าน “โต๊ะแว้ง”และจากบ้านโต๊ะแว้งกลายเป็น “บ้านแว้ง” ต่อมาพื้นที่ดังกล่าวมีความเจริญรุ่งเรืองกลายเป็นชุมชนใหญ่ จึงมีการจัดตั้งเป็นตำบลขึ้นมา โดยมีชื่อตำบลว่า “ ตำบลแว้ง ” มาจนถึงปัจจุบัน

คำขวัญของอำเภอแว้ง
          “ไม้งาม น้ำตก นกเงือก”🐦

วิสัยทัศน์อำเภอแว้ง
        “แว้งเมืองคนดี มีป่าฮาลา – บาลา บูเก๊ะตาเมืองค้าชายแดนเกื้อกูล ศูนย์ส่งออกสินค้าเกษตรกรรม วัฒนธรรมกีฬาเป็นเลิศ”

สภาพทั่วไป
               ลักษณะที่ตั้ง อำเภอแว้งอยู่ห่างจากศาลากลางจังหวัดนราธิวาส เป็นระยะทาง ๘๖ กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ ๓๔๗ ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ ๒๑๗,๐๔๗ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๗.๗๖ ของพื้นที่   จังหวัดนราธิวาส

                   ลักษณะภูมิประเทศ
                   สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา มีป่าเชิงเขา และลำห้วย หนอง บึงในบางพื้นที่     มีเทือกเขาสันกาลาคิรี และแม่น้ำสุไหงโก-ลก เป็นเขตแบ่งกั้นพรมแดนกับประเทศมาเลเซีย พื้นที่ส่วนใหญ่    ใช้ในการเกษตร จำนวน ๑๓๐,๖๙๓ ไร่ โดยมีอาณาเขตติดต่อ ดังนี้
                   ทิศเหนือ          ติดต่อกับ     อำเภอสุไหงปาดี และ อำเภอสุไหงโก-ลก
                   ทิศใต้             ติดต่อกับ     อำเภอตะเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
                   ทิศตะวันออก     ติดต่อกับ     อำเภอปาเสมัส รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย
                   ทิศตะวันตก      ติดต่อกับ     อำเภอสุคิริน

                   ลักษณะภูมิอากาศ
                    ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบมรสุม มี ๒ ฤดู คือ
                             ฤดูร้อน  เริ่มตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ – เดือน เมษายน
                             ฤดูฝน   เริ่มตั้งแต่เดือน พฤษภาคม – เดือน มกราคม
 
ด้านประชากร
                   อำเภอแว้งมีประชากรทั้งสิ้น ๕๒,๒๔๕  คน แยกเป็น
                   ชาย จำนวน  ๒๕,๘๔๕ คน                  หญิง จำนวน  ๒๖,๔๐๐ คน
                   จำนวนบ้านเรือน  ๑๑,๙๙๘ หลังคาเรือน
                   (ข้อมูล ณ  มกราคม  ๒๕๕๘)
    อ้างอิง https://www.waengobt.go.th/files/history.pdf 

เรื่องเล่า "บาเตาะ" คนกินเนื้อ 

ภาพบาเตาะในจินตนาการ ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรมกันยายน 2554)

    คําว่า “บาเตาะ” ในความหมายของคนในชุมชนหมายถึง คนเถื่อน คนใจดําอํามหิต ส่วนความหมายทั่วไป หมายถึงคนป่า คนพื้นถิ่น บาเตาะยังมีความหมายเช่นเดียวกับบาตัก (Batak) ซึ่งหมายถึงเผ่าพันธุ์หนึ่งบนคาบสมุทรมลายู รวมถึงอินโดนีเซีย ซึ่งออกสําเนียงเป็นภาษามลายูถิ่นว่า “บาเตาะ” บาตักจัดเป็นคนพื้นเมืองชาติพันธุ์หนึ่งบนคาบสมุทรมลายูชาติ นอกเหนือจากอัสลี (Asli) หรือซาไก พบมากบนเกาะสุมาตรา มีปรากฏเล็กน้อยในมาเลเซีย สิงคโปร์ แต่กลมกลืนกับคนสมัยใหม่แล้ว ที่ทะเลสาบโตบาของเกาะสุมาตรามีกลุ่มบาตักที่ยังคงรักษาวิถีดั้งเดิมไว้บ้าง โดยเฉพาะเกาะซาโมซีกลางทะสาบโตบา ที่มีตํานานเรื่องเล่าบาตัก คนกินเนื้อคน

    เรื่องราวของบาเตาะ ที่กล่าวถึงว่าเป็นคนป่าที่ชอบ กินเนื้อคน ถูกฆ่าตายทั้งเผ่าอยู่ใต้ดิน อาจเป็นเพียงความทรงจํา ข้อสันนิษฐานหรือเรื่องเล่าที่คลุมเครือตลอดไป หากยังไม่มีการศึกษาอย่างจริงจัง ในลักษณะสหศาสตร์ ซึ่งบางครั้งจําเป็นต้องใช้หลักวิทยาศาสตร์หรือโบราณคดี ชาวบ้านจึงคาดหวังว่าควรทําการศึกษาอย่างเร่งด่วน ณ สสานบาเตาะ ก่อนที่คนชราในชุมชนที่พออธิบายได้สิ้นใจตาย

    เรื่องราวบาเตาะจะเป็นเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นหรือเรื่องเล่าที่เป็นจริง ถูกซ่อนเร้นมานานในป่าฮาลา บาลา และกําลังจะถูกเปิดเผย การระดมความรู้จากนักวิชาการต่างๆ เท่านั้นที่จะช่วยยืนยัน ในความคิดเห็นของผู้เขียนเชื่อว่า บาเตาะ คนกินเนื้อคนมีอยู่จริงในป่าฮาลา บาลา และมีความเป็นไปได้ที่จะมีเผ่าบาเตาะหรือบาตัก ที่ชอบกินเนื้อคนเผ่าหนึ่งอยู่ปลายด้ามขวานทองของประเทศไทย แบบเดียวกับที่เมดาน แถบทะเลสาบโดบา ในอินโดนีเซีย แต่ถูกฆ่าล้างเผ่าจนสูญพันธุ์

      อ้างอิง : https://www.silpa-mag.com/





ความคิดเห็น